การผลิตลำไยนอกฤดู (ตอนที่ 1 )
                                
                                                                                                                                                                                                                                                                                                                                                                     
     ปัจจุบันเกษตรกรชาวสวนลำไยกำลังตื่นตัวกันเป็นอย่างมาก
เกี่ยวกับการใช้สารเคมีเพื่อให้ลำไยออกดอกนอกฤดูกาล เพราะปกติแล้วการออกดอกติดผล
ของลำไยจะต้องมีความสัมพันธ์กับสภาพแวดล้อม กล่าวคือ ช่วงก่อนการออกดอก ใบ
และยอดจะต้องหยุดการผลิใบ มีการสะสมอาหารเพียงพอ ใบอยู่ในสภาพแก่ทั้งต้น
มีอุณหภูมิหนาวเย็นประมาณ 10-20 องศาเซลเซียส ช่วงหนึ่งก่อนการออกดอก
เมื่อมีการใช้สารเคมีทำให้ลำไยออกดอกได้แล้วความหนาวเย็นก็จะ
ไม่มีความจำเป็นต่อการออกดอกของลำไยอีกต่อไป                                              
     
แต่ในการผลิตลำไย นอกจากจะมุ่งผลิตเพื่อเพิ่มปริมาณของผลผลิตแล้วผู้ผลิตควรจะต้อง
คำนึงถึงการผลิต เพื่อให้ได้ผลผลิตที่มีคุณภาพ
ทางการตลาดด้วยซึ่งในการเพิ่มปริมาณและปรับปรุงคุณภาพ
ผลผลิตนั้น เกษตรกรต้องมีความรู้และความเข้าใจในปัจจัยต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้อง
ตั้งแต่การเตรียมความพร้อมของต้นเพื่อการออกดอกติดผลตลอดจนการจัดการ
เพื่อเพิ่มปริมาณ และปรับปรุงคุณภาพผลผลิต เพื่อเป็นแนวทางในการ
จัดการผลผลิตลำไย ให้มีคุณภาพ เพื่อให้การลงทุนทำสวนลำไยนั้นได้ผลตอบแทนที่คุ้มค่า

หัวใจสำคัญ
         1.ต้องเตรียมต้นลำไยให้สมบูรณ์ สะสมอาหารได้มากพอ ไม่มีโรคแมลงทำลาย
         2.รู้จักการใช้สารอย่างถูกต้อง ทำความเข้าใจถึงบทบาทและหน้าที่ของสารที่จะใช้ ซึ่งมีผลต่อต้นพืช
         3.สภาพแวดล้อมเอื้ออำนวย ฝนไม่ตกชุก และอากาศไม่หนาวเย็นเกินไป ช่วงดอกบาน
         4. มีความพร้อมทั้งด้านทุน แรงงาน และเวลาในการดูแลรักษา

 

      กระบวนการออกดอกของลำไยโดยธรรมชาติ                         ในปัจจุบันนักวิชาการเชื่อว่าก่อนที่พืชทั่วไปจะออกดอกนั้น จะต้อง

  • ต้องมีการเก็บสะสมอาหารที่อยู่ในรูปคาร์โบไฮเดรต ซึ่งได้จากกระบวนการสังเคราะห์แสง   จนถึงระดับหนึ่ง ซึ่งเพียงพอต่อการนำไปใช้เป็นพลังงานในการสร้างตาดอก
    ได้ต่อปี
  • ต้องมีการลดระดับการสร้างฮอร์โมนพืชบางชนิดลง เช่น
    จิบเบอเรลลิน เพื่อไม่ให้ไปควบคุมการสังเคราะห์เอนไซม์ โปรตีน และสารประกอบ
    อินทรีย์ต่าง ๆ ภายในเซลล์พืช ซึ่งจะทำให้พัฒนาการทางด้านการแตกกิ่ง ใบ ลดลง


              

                                       

              

                                                                                                                                                                                                                                                 
       สำหรับในลำไยก็เช่นเดียวกันกระบวนการออกดอกในแต่ละ
รอบปี หลังจากที่เก็บเกี่ยวผลผลิตแล้ว เมื่อมีการให้น้ำให้ปุ๋ยอย่างมาก ช่วงนี้ต้นลำไยจะได้รับธาตุ
ไนโตรเจน (N) อย่างเต็มที่ ทำให้สามารถสังเคราะห์ฮอร์โมนจิบเบอเรลลินได้ค่อนข้างสูง ส่งผลให้ลำไยแตกใบอ่อนขึ้นต่อมาในช่วงที่ใบเจริญก็จะมีการ
สังเคราะห์แสง สร้างพลังงานและสารอาหารที่จำเป็นต่อการเจริญเติบโต และซ่อมแซมส่วนที่สึกหรอ
ของเซลล์ เนื้อเยื่อและอวัยวะต่าง ๆ ของต้น
       ดังนั้น ช่วงนี้พลังงานและสารอาหารจึงมักจะถูกใช้หมดไป ประกอบกับฮอร์โมนจิบเบอเรลลิน ภายในต้นยังมีระดับค่อนข้างสูง จึงทำให้เกิดการแตกใบอ่อนอีกประมาณ 1-2 ชุด เมื่อสภาพแวดล้อม
เหมาะสม ฝนทิ้งช่วง ดินแห้ง ต้นลำไยจะลดการสร้างฮอร์โมนจิบเบอเรลลิน
ลง ทำให้หยุดการแตกใบอ่อนประกอบกับต้นลำไยมีการสะสม
อาหารมากพอ จนถึงระดับที่สามารถสร้างตาดอกได้   เมื่อมีอุณหภูมิต่ำประมาณ 10-20 องศาเซลเซียส ระยะหนึ่ง ก็จะทำให้ลำไยออกดอกได้

    กระบวนการออกดอกของลำไยที่ทำสาร
     โปแตสเซียมคลอเรต (Potassium Chlorate) เป็นสารประเภทออกซิไดซิ่งเอเจนท์ที่แรงมาก เช่นเดียวกับโซเดียมคลอเรต
(Sodium Chlorate) หรือโลหะคลอเรตอื่น ๆ ถ้าผสมกับสารพวกรีดิวซิ่งเอเจนท์ เช่น กำมะถัน น้ำตาลทรายและรีดิวซิ่งเอเจนท์ต่าง ๆ
หรือสารไฮโดรคาร์บอน หรือรวมกับกรดกำถัน จะเกิด ปฏิกิริยาอย่างต่อเนื่องและเกิดการระเบิดได้ การขัดถู การเสียดสี การบดอัด
ก็เกิดการจุดชนวนระเบิดได้ เช่นเดียวกับประกายไฟ เมื่อใช้โปแตสเซียมคลอเรต หรือโซเดียมคลอเรต ละลายน้ำราดลงดิน
พอรากพืชดูดสารคลอเรตเข้าไปในระบบ จากการที่เป็นออกซิไดซิ่งเอเจนท์ที่แรงจัด ก็จะไปออกฤทธิ์กับสารรีดิวซิ่งเอเจนท์ในราก
และระบบท่อน้ำของพืช ทำให้การเจริญเติบโตของรากหยุดชะงักอย่างรุนแรง ซึ่งที่สำคัญคือสารนี้จะเข้าแข่งขัน แก่งแย่งหรือทำลายการทำงาน
ของเอนไซม์ไนเตรทรีดั๊กเต๊ซ (nitrate reductase:NR) เท่ากับเป็นการหยุดการทำงานของ
ไนโตรเจนเมทาโบลิซึม (nitrogen metabolism) คือทำให้จำนวนไนโตรเจนที่เป็นประโยชน์ในต้นพืชลดลงฉับพลัน
แต่พืชยังสร้างคาร์โบไฮเดรตได้ตามปกติ ทำให้ต้นลำไยมี ซี:เอ็น เรโช (C/N ratio) กว้างขึ้นอย่างรวดเร็ว และลำไยก็ออกดอกได้ลำไยที่ถูก
ราดสารต้องได้รับการให้น้ำอย่างมากหรืออย่างเพียงพอ เพื่อให้เนื้อเยื่อส่วนต่าง ๆ ของราก ทำหน้าที่แทนรากขนอ่อนที่ถูกทำลายไป
ถ้าใช้มากหรือเข้มข้น เกินไป จะทำให้พืชใบเหลืองตามอาการขาดไนโตรเจน
ซึ่งที่จริงไม่ได้ขาด แต่สารคลอเรตทำให้พืชใช้ไนโตรเจนไม่ได้ ในสภาพที่รากพืชไม่ได้รับปุ๋ยในรูปของ   ไนเตรท
ต้นจะอ่อนไหวและอ่อนแอมากต่อคลอเรต แต่ในทางกลับกันหากสภาพแวดล้อมของรากอุดมด้วยไนเตรท การใช้สารคลอเรตมัก
ได้ผลไม่เต็มที่
     การเปลี่ยนจากตาใบ ไปเป็นตาดอกของลำไยนี้ ตายอดของลำไยจะต้องอยู่ในระยะที่กำลังผลิ (Active) หากไม่ได้ให้น้ำหรือ
ตาอยู่ในระยะพักตัว การเปลี่ยนแปลงจะไม่เกิดขึ้น ซึ่งอาจเป็นผลส่วนหนึ่งที่พบว่าภายหลังจากการราดสารคลอเรตแล้ว
ต้นลำไยไม่ออกดอก หรือตายไป ดังนั้น การให้น้ำภายหลัง การให้สารแล้ว จะช่วยให้ปริมาณของสารคลอเรตนี้ลดลงไปได้ทางหนึ่ง
นอกจากนี้การให้ปุ๋ยในรูปไนเตรท ภายหลังจากต้นออกดอกแล้ว อาจจะเป็นช่องทางหนึ่ง ของการฟื้นฟูสภาพต้นลำไย
เนื่องจากต้นได้ถูกยับยั้งการใช้ธาตุไนโตรเจนไปอย่างรุนแรง

ช่วงที่เหมาะสมในการกระตุ้นการออกดอกด้วยสารคลอเรต
ผู้ที่จะผลิตลำไยมีจุดประสงค์หลักอย่างเดียวกันคือ ต้องการให้ต้นลำไยสามารถออกดอกติดผล และมีผลผลิตออกจำหน่ายได้ก่อนหรือหลังฤดูปกติ แต่อย่างไรก็ตามผู้ผลิตจำเป็นต้องพิจารณาถึงความแตกต่างของสภาพแวดล้อมในแต่ละท้องที่ มาประกอบการตัดสินใจด้วยว่าควรจะใช้สารคลอเรตกับลำไยในช่วงใด  จึงจะประสบผลสำเร็จ
ได้ดีที่สุด ซึ่งในที่นี้จะขอแนะนำเป็น 3 ช่วงคือ

1.ช่วงเดือนเมษายน – กรกฎาคม จะสามารถผลิตลำไยออกหลังฤดูปกติประมาณ 2-4เดือน ซึ่งเป็นช่วงที่มีผลไม้อื่นในตลาดไม่มากนัก (ตุลาคม – มกราคม) หลักสำคัญก็คือ จัดเป็นช่วงที่ในระยะการพัฒนาการของผลลำไยอยู่ในฤดูฝน เหมาะสำหรับในเขตที่อาศัยน้ำฝนหรือแหล่งน้ำในสวนมีไม่มากนัก ข้อจำกัดที่มักจะเกิดขึ้นคือ ถ้าราดสารในช่วงเดือนมิถุนายน-กรกฎาคม ระยะที่ดอกบานมักจะตรงกับช่วงฝนตกชุก อาจมีปัญหาในการติดผลได้
2. ช่วงเดือนสิงหาคม  – พฤศจิกายน  จะสามารถผลิตลำไยออกก่อนฤดูปกติ 2 - 4 เดือน ซึ่งเป็นช่วงที่มีผลไม้อื่นออกสู่ตลาดบ้างเล็กน้อย ตลาดต่างประเทศมีความต้องการสูง
(กุมภาพันธ์ –มิถุนายน) เหมาะสำหรับสวนที่มีแหล่งน้ำเพียงพอ เพราะระยะการพัฒนาการของผลลำไยอยู่ในช่วงฤดูหนาวและฤดูแล้ง ข้อจำกัดที่มักจะเกิดขึ้น คือ ถ้าราดสารในช่วงเดือนกันยายน - ตุลาคม ระยะดอกบานมักจะตรงกับช่วงที่มีลมหนาว อาจจะมีปัญหาในการติดผลได้
3. ช่วงเดือนธันวาคม – กุมภาพันธ์ ผลผลิตจะออกมาตรงกับช่วงเดือนกรกฎาคม – กันยายน ซึ่งเป็นช่วงการออกสู่ตลาดของลำไยในฤดูปกติ

   

1. ช่วงที่ 1


มค.

กพ.

มีค.

เมย.

พค.

มิย.

กค.

สค.

กย.

ตค.

พย.

ธค.

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

เตรียมสภาพต้น

 

 

 

เตรียมสภาพต้น

 

 

ชักนำให้เกิดดอก

 

 

 

 

พัฒนาการของดอก

 

 

ดอกบานและติดผลอ่อน

 

พัฒนาการของผล

เก็บเกี่ยว
ผลผลิต

 

 

เก็บเกี่ยวผลผลิต

2.  ช่วงที่ 2

มค.

กพ.

มีค.

เมย.

พค.

มิย.

กค.

สค.

กย.

ตค.

พย.

ธค.

 

 

 

 

 

 

 

 

 

                           เตรียมสภาพต้น

 

 

 

 

 

 

ชักนำให้เกิดดอก

 

 

 

 

 

 

พัฒนาการของดอก

ดอกบานและติดผลอ่อน

 

 

ดอกบานและติดผลอ่อน

พัฒนาการของผล

 

 

 

 

พัฒนาการของผล

 

เก็บเกี่ยวผลผลิต

 

 

3. ช่วงที่ 3

มค.

กพ.

มีค.

เมย.

พค.

มิย.

กค.

สค.

กย.

ตค.

พย.

ธค.

 

 

 

 

 

            

 

 

 

เตรียมสภาพต้น

 

 

 

 

 

เตรียมสภาพต้น

ชักนำให้เกิดดอก

 

 

 

 

 

 

ชักนำให้เกิดดอก

พัฒนาการของดอก

 

 

 

 

 

 

 

ดอกบานและติดผลอ่อน

 

 

 

 

 

 

พัฒนาการของผล

 

 

 

เก็บเกี่ยวผลผลิต

 

 

 
โดย  นายสุชาติ  จันทร์เหลือง
นักวิชาการส่งเสริมการเกษตรชำนาญการ
* รวมเรื่อง
ข่าว : งานสารสนเทศ



ปรับปรุงเมื่อ 06-Aug-2012